๑.เรือดำน้ำนับได้ว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งในการยุทธทางเรือ โดยที่เรือดำน้ำสามารถดำน้ำอยู่ใต้ท้องทะเล ซ่อนพรางมิให้ตรวจพบได้ง่าย และสามารถทำลายกำลังเรือผิวน้ำได้โดยอาวุธตอร์ปิโดหรืออาวุธปล่อยนำวิถีจากท่อตอร์ปิโดใต้น้ำ ในการปราบเรือดำน้ำ ข้าศึกเพียงหนึ่งลำ จะต้องใช้กำลังเรือผิวน้ำ ๔ - ๕ ลำ ควบคู่กับการใช้เฮลิคอปเตอร์และอากาศยานปราบเรือดำน้ำจำนวนหนึ่ง ทำให้ต้องใช้จ่ายงบประมาณเป็นจำนวนมากในการจัดตั้งหน่วยล่าทำลาย (HUNTER – KILLER) เรือดำน้ำ แต่หากประเทศไทยมีเรือดำน้ำแล้วจะสามารถใช้เรือดำน้ำเป็นเครื่องมือทำลายเรือดำน้ำข้าศึกได้อย่างดี และสามารถช่วยป้องปรามข้าศึก รวมถึงการป้องกันและรักษาเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่กว่าร้อยละ ๙๕ ของสินค้าเข้า-ออก ต้องใช้เส้นทางคมนาคมทางทะเลได้




๒.เรือดำน้ำมีความจำเป็นในการฝึกร่วมกับกองเรือปราบเรือดำน้ำ ดังที่กล่าวมาแล้ว เรือดำน้ำข้าศึกเป็นภัยร้ายแรงที่จะทำลายกำลังทางเรือผิวน้ำและกระบวนเรือลำเลียงเสบียงอาหาร ยุทธโธปกรณ์ สินค้า น้ำมัน เข้าสู่ประเทศต่างๆ จึงต้องป้องกันมิให้เรือดำน้ำข้าศึกสามารถรังควานเส้นทางคมนาคมได้ด้วยกำลังกองเรือปราบเรือดำน้ำ การที่จะให้กองเรือปราบเรือดำน้ำสามารถปราบเรือดำน้ำข้าศึกได้ จำเป็นต้องมีการฝึกปราบเรือดำน้ำกับเรือดำน้ำจริง ในขณะนี้ประเทสไทยไม่มีเรือดำน้ำฝึกจึงเสมือนกับการเล่นฟุตบอลโดยไม่มีลูกฝึกซ้อม

๓.การหาข่าวทางลับ / ส่งนักทำลายใต้น้ำ / หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เรือดำน้ำมีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานนี้ได้ หากข้าศึกมีกำลังทางอากาศและกำลังทางเรือเข้มแข็ง การส่งกำลังเรือผิวน้ำเข้าไปหาข่าวทางลับจะกระทำได้ยาก แต่หากมีเรือดำน้ำจะมีขีดความสามารถที่จะเล็ดลอด อำพรางตัวเองอยู่ใต้ทะเล ส่งหน่วยหาข่าวหรือส่งนักทำลายใต้น้ำ หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปปฏิบัติการได้




๔.เรือดำน้ำสามารถสนับสนุนการคุ้มกันกระบวนเรือลำเลียงเข้าสู่อ่าวไทยได้โดยมอบพื้นที่ปฏิบัติการให้ทำหน้าที่ป้องกันทางปีกของกระบวนเรือลำเลียงซึ่งจากคุณลักษณะที่ซ่อนพรางได้ดี และมีขีดความสามารถในการดักจับสัญญาณเสียงได้ดีกว่าเรือผิวน้ำ ประกอบกับในพื้นที่อ่าวไทย ภัยคุกคามจะถูกจำกัดทิศทางในการเข้าหากระบวนเรือ จึงมีความเหมาะสมที่จะใช้เรือดำน้ำในการป้องกันทางลึกแก่กระบวนเรือ




๕.นอกจากนี้แล้วเรือดำน้ำยังมีขีดความสามารถในการวางทุ่นระเบิดในทางรุกและทางรับซึ่งจากคุณลักษณะเด่นในการซ่อนพรางตัวของเรือดำน้ำ จึงสามารถปฏิบัติการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ฝ่ายข้าศึกสามารถควบคุมทะเลและครองอากาศยานของฝ่ายเราไม่สามารถปฏิบัติภารกิจดังกล่าวได้




๖. การจัดหาเรือดำน้ำไว้ใช้ในอนาคตนั้นไม่ใช่เป็นการจัดหาเรือดำน้ำครั้งแรก เนื่องจากกองทัพเรือเคยมีและใช้เรือดำน้ำในสงครามอินโดจีน และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาแล้ว จำนวน ๔ ลำ โดยจัดหาจากญี่ปุ่น แต่เนื่องจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทำให้เรือดำน้ำของกองทัพเรือไม่มีอะไหล่ที่ใช้ซ่อมทำตามระยะเวลา จึงต้องปลดประจำการไปก่อนเวลาอันสมควรดังนั้น การจะจัดหาเรือดำน้ำไว้ใช้ในราชการกองทัพเรืออีกครั้งหนึ่ง จึงนับได้ว่าเป็นการจัดหาทดแทนกำลังเรือดำน้ำที่กองทัพเรือเคยมีใช้งานมาแล้ว